วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เป็นแบบนี้ ใช้ยาอะไรดีครับ

วันนี้เจอคำถาม

Q: ตาม้าผมเป็นฝ้าขาว ถามร้านยาสัตว์แถวบ้านเค้าไม่รู้ ถามพี่ที่รู้จักก็ยังไม่ได้คำตอบ ผมร้อนใจมาก ทำยังไงดีครับ


ผมเลยตอบไปว่า
A: ตาเป็นฝ้าขุ่น มันเป็นได้ทั้งกระจกตา ช่องด้านหน้าของลูกตา เลนส์ตา และช่องด้านหลังลูกตา ซึ่งแต่ละอันมันก็มีวิธีรักษาต่างกัน ขึ้นกับสาเหตุด้วย ที่อันตรายคือถ้าตาขุ่นจากการที่กระจกตาเป็นแผล กระจกตาละลาย จากการติดเชื้อ ความดันในลูกตาเพิ่มมากขึ้น เหล่านี้ถ้าปล่อยไว้เพียงไม่นานก็ตาบอดได้ครับ


คำถามนี้ผมจบแค่นี้ แต่อยากขอขยายประเด็นที่ซ่อนอยู่นิดนึง (ขอบ่นหน่อยเหอะ)

............ .... ...

ผมสังเกตุหลายครั้งแล้วว่าเวลาคนเลี้ยงม้าเจอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มักจะไม่ถามสัตวแพทย์

อาจจะเพราะหมอมันเรื่องมากเกินไป ไม่ยอมคำตอบที่รวดเร็ว ง่าย และถูกใจคนถาม แค่ชื่อยา ทำยังไง รักษายังไง ทำไมไม่ยอมบอก

เหตุผลของหมอคือ เพราะสิ่งที่คุณบอกมามันไม่สามารถจำเพาะเจาะจงลงไปถึงตัวโรค หรือตำแหน่งที่เกิดอาการได้เลย มันเป็นแค่อาการ หรือบางครั้งคำตอบที่คนต้องการ คืออะไรก็ได้ง่ายๆ เหมือนต้มมาม่าอ่ะ ถ้าวิธีการเยอะไม่เอานะ ขี้เกียจ

อย่างคำถามข้างต้น ตาเป็นฝ้า ขุ่น คุณบอกแค่นั้นก็จริง คำถามที่เกิดขึ้นในหัวของหมอก็คือ เป็นที่ไหน Cornea, Anterior Chrmber, หรือ Lens

ลองดูรูปข้างล่างนี้แล้วบอกผมหน่อยได้มั้ยครับว่าแต่ละอันที่เห็นเนี่ยมันคืออะไร จะอธิบายว่ายังไง


ซึ่งไม่จบแค่นั้น สมมุติว่าเป็นที่กระจกตา (Cornea) ก็ต้องดูอีกว่าเป็นที่เนื้อเยื่อชั้นไหน Epithelium, Stroma หรือ Descemet's membrane เพราะความรุนแรงก็จะต่างกันไป
ลองดูภาพนี้ประกอบครับ

เรียนในมหาวิทยาลัย 6 ปี ก็จริงแต่ไม่จบแค่นั้นนะครับ จบมาเป็นสัตวแพทย์แล้วก็ต้องฝึกฝนเพิ่มเติม หาความรู้ อบรม สัมมนา ต้องเก็บแต้มการศึกษาต่อเนื่อง เพื่อนำแต้มไปแสดงกับสัตวแพทยสภาว่าในแต่ละปีหมอได้มีการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม อัพเดทข้อมูลความรู้ วิธีการรักษาไปแล้วอย่างไรบ้าง ถ้าแต้มไม่ถึง 100 แต้มใน 5 ปี ไม่สามารถต่อใบอนุญาตได้ครับ (สัมมนาวันนึงได้ประมาณ 3 แต้ม)

อีกอย่างหมอจะบอกคุณยังไงว่ามันต้องตรวจอะไร และตรวจอย่างไรบ้าง เพราะคุณทำกันเองไม่ได้ เพราะ กว่าหมอจะทำกันได้ ต้องเรียน ต้องรู้ เข้าใจ และฝึกฝนว่าควรทำอย่างไร อย่างไหนเหมาะสม อย่างไหนไม่ควรทำ หมอเป็นพวกขี้กลัวครับ กลัวว่าจะทำให้ชีวิตนึงต้องแย่ลงเพราะน้ำมือหมอนี่แหละ (แต่บางคนอาจจะไม่กลัว)

นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมหมอถึงไม่อยากแนะนำยา ไม่อยากจะบอกอะไรมั่วๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตรวจ

อีกอย่างที่คับข้องใจคือ มักจะมีกลุ่มคนที่ชอบอวดอ้างตนเองบอกว่าไม่ต้องไปถามหมอหรอก ม้าเป็นแบบนี้ๆ ผมเคยทำแบบนี้ๆ หายมาแล้ว ให้ลองวิธีนั้นวิธีนี้ ยานั้น ยานี้ดู โดยที่เค้าไม่ได้บอกคุณเลยว่าถ้าไม่หายจะเป็นยังไง ความเสี่ยงคืออะไร และไม่คิดหาเหตุผลด้วยว่าทำไมถึงเป็น

พอคุณลองตามที่เค้าบอก แล้วอาการเจ็บป่วยของม้าคุณหาย ผมก็ดีใจด้วยครับ (อันนี้ดีใจจริงๆ ไม่ได้ประชด

แต่พอคุณลองตามที่เค้าบอก แล้วอาการเจ็บป่วยของม้าคุณชิบหาย เค้าก็จะบอกคุณ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 

1.ตัวนี้อาการหนักมากแล้วเลยเอาไม่อยู่
2.ถ้าทำแบบนี้ไม่หายก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว ต่อให้หาหมอก็ไม่หายอยู่ดี
3.มันมีภาวะแทรกซ้อน เป็นนู่นนี่นั่น
4.คุณทำอะไรผิดพลาด ไม่เหมือนที่ผมเคยทำ ไม่งั้นไม่เป็นแบบนี้หรอก
5.ต้องทำใจแล้วล่ะ เราทำกันดีที่สุดแล้ว มันรักษาไม่หายก็ต้องทำใจ

แล้วทุกอย่างก็จบ ใครรับกรรมครับ?

ม้าของคุณนั่นแหละครับ

เวลาหมอเจออะไรแบบนี้อยากจะย้อนกลับไปบ้าง
ดังตัวอย่างต่อไปนี้

1.อาการหนักมากแล้วอะไร ตรวจยังตรวจไม่เป็น แล้วมาบอกอาการหนักไม่หนักได้ไง
2.วิธีที่คุณทำไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ก็ตาม ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การรักษา ประเด็นอยู่ที่คุณไม่ได้มีการตรวจวินิจฉัย (และผมก็บอกแล้วว่าอาการแสดงของโรค ไม่ใช่ตัวโรคโว้ย) อ้อ แล้วส่งให้หมอก็ไม่หายตามที่เค้าบอกนั่นแหละ เพราะแทนที่เป็นน้อยๆ แล้วตรวจ รักษาให้มันถูกต้อง ก็โดนลองนู่นนี่ จนแม่งเป็นหนักมากๆๆๆๆ เอาเทวดามาเสกก็ไม่รอดเว้ย
3.คุณทำผิด คุณทำถูกก็เรื่องนึง ปัญหาคือถ้ารู้ว่าปัญหาเกิดจากอะไร ตอนนี้เป็นยังไง คุณก็จะพอพยากรณ์โรคได้ว่าในอนาคตมันจะมีอาการอย่างไร จะมีอาการแทรกซ้อนมั้ย แล้วก็หาทางป้องกันซะ
4.ง่ายมาก ที่จะบอกว่าคนอื่นทำไม่ดี ไม่เหมือนที่ตัวเองเคยทำ เพราะคนที่ลองเอาไปทำ ก็จะคิดว่าตัวเองคงทำอะไรไม่ดี เพราะคนที่มาบอกเนี่ย เทพสุดๆ
5.กล้าพูดได้ยังไงว่ารักษากันดีที่สุดแล้ว??? ม้าเป็นอะไรยังไม่รู้เลย แล้วบอกว่ารักษาดีแล้ว ตรรกะอะไรวะ

...........

ขอจบการยกตัวอย่างที่หมออยากจะย้อนเพียงเท่านี้ละกันครับ

บ่นไปงั้น

เพราะถึงอย่างไรชีวิตจริง หมอก็จะพยายามอธิบายให้คุณฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับม้าของคุณ เพื่อให้คุณได้เข้าใจ ส่วนรักษาหายไม่หาย ก็ว่ากันเป็นเคสๆ ไป

เพราะรักษาจากชิบหาย ให้กลายเป็นหาย มันไม่ง่ายเลยครับ

ถึงเวลานั้นหมออาจจะต้องบอกเหมือนกันว่า ต้องทำใจแล้วล่ะ หมอพยายามทำดีที่สุดแล้ว

..........

#หมอร้องไห้ทำไม #ร้องไห้หนักมาก

ไม่มีความคิดเห็น: