วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

"หมอ"



วันนี้เป็นอีกวันที่หนัก..... หนักใจ


ระหว่างที่กำลังตรวจม้าอยู่ที่คอกม้าแห่งหนึ่งในเขาใหญ่ ได้มีโทรศัพท์เข้ามา ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะรีบร้อน ถามว่าที่นี่ใช่โรงพยาบาลม้าหรือไม่ และต้องการที่จะให้เข้าไปรักษาม้าให้หน่อย ซึ่งสถานที่ก็อยู่ห่างจากที่ผมอยู่ประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร


ถามอาการทางโทรศัพท์ก็บอกมาว่าม้าท้องอืด และให้กรอกยาให้ไปแล้วในเบื้องต้น และม้ามีอาการมาตั้งแต่เมื่อวาน.......


สุดท้ายผมก็รับปากว่าจะเข้าไปรักษาให้ เพราะเห็นว่าอยู่ไม่ไกลและสามารถช่วยได้


พอไปถึงที่นัดหมาย ก็พบกับม้าตัวเล็กๆ ตัวนึง น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม กำลังยืนตัวเกร็ง กล้ามเนื้อสั่นทั้งตัว ขาหลังถ่างออก และพยายามย่อตัวลงนอนตลอดเวลา


ม้าตัวนี้กำลังเจ็บปวดรุนแรง ในตอนแรกก็คิดว่าน่าจะเสียด เห็นอาการม้าก็รีบจัดการก่อน อันดับแรกคือสอดท่อเข้ากระเพาะอาหาร มีหญ้าออกมา ซึ่งหญ้าให้กินครั้งสุดท้ายคือเมื่อวานเย็น แต่ก็ไม่ได้มีอะไรออกมามากนัก อาการปวดไม่น่าจะมาจากกระเพาะอาหารที่ขยายตัว........


หลังจากนั้นก็ให้น้ำเกลือเพราะม้า dehydrate มาก และเยื่อเมือกเป็นสีม่วง รวมถึง CRT ประมาณ 3 วินาที อัตราการเต้นของหัวใจสูง หายใจหอบเสียงดังตลอดเวลา ม้าตัวนี้กำลังเดินหน้าไปสู่อาการช๊อค


หลังจากที่ให้น้ำเกลือและให้ยาลดปวดไป พบว่าม้าไม่ตอบสนองเท่าที่ควร ระหว่างนี้ก็ให้พี่คนขับรถ ขับไปเอาน้ำเกลือเพิ่มเติมที่คอกม้าใกล้ๆ นั้น เพราะน้ำเกลือบนรถไม่มี และที่คอกนั้นมีน้ำเกลือแค่ 5 ขวด


ระหว่างที่รอน้ำเกลือก็ซักประวัติโดยละเอียดอีกครั้ง... จากคนดูแล


ม้าแสดงอาการปวดท้องตั้งแต่เมื่อวานเย็น เห็นว่าม้าตะกุยคอก และยืนตัวเกร็ง แต่ก็คิดว่าม้าไม่ได้เป็นอะไรมาก และม้ายังพอกินได้ อึได้ และตดได้


พอมาเห็นอาการอีกครั้งตอนเช้าก็พบว่าม้านอนตัวเกร็ง กล้ามเนื้อสั่นกระตุก ขาเหยียดเกร็ง คอเกร็ง หันคอไม่ได้เลย พอเห็นแบบนั้นคนดูแลก็พยายามให้ม้าลุกขึ้น และพาออกไปเดิน พอพาออกไปเดินก็พบว่าม้าตดหลายครั้ง และเวลาเดินก็จะเดินตัวเกร็งเกือบตลอด


หลังจากนั้นก็กรอกยาธาตุน้ำแดงเข้าไปสองขวด.... และฉีดยาไป 15 ซีซี


ส่วนเรื่องการให้อาหารก็ให้กินหญ้าตลอดวัน และให้อาหารข้นวันละ 1 กิโลกรัม วันละ 1 ครั้ง......


ม้าตัวนี้ไม่เคยทำวัคซ๊น ถ่ายพยาธิเคยถ่าย แต่ไม่รู้ว่าใช้ยาอะไร....


..............................


พอเจ้าของม้ามาก็ได้คุยกับเจ้าของม้าว่าอาการตอนนี้น่าเป็นห่วงมาก และก็ได้พูดคุยเรื่องต่างๆ เพิ่มเติม พบว่าคอกม้าที่ฟาร์มยังสร้างไม่เสร็จเลยมาฝากหมอให้ดูแล และจัดการเรื่องตอน พร้อมกับฝึกม้า.....


ห๊ะ เดี๋ยวนะ คนนี้เป็นหมอเหรอ แล้วทำไมถึงรักษาไม่ได้เลย แล้วก็ไม่รู้อะไรเลย ตอนม้าได้ด้วยเหรอ....... (คิดในใจ)


และหลุดปากออกไป


พี่คนนี้เป็นหมอเหรอครับ?? เป็นสัตวแพทย์เหรอครับ??


เจ้าของตอบกลับมาว่า เค้าไม่ใช่หมอเหรอ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นเค้าเรียกกันว่าหมอก็เลยเอาม้ามาให้ดูแล


ด้วยความปากไว ผมตอบทันทีว่าไม่ใช่สัตวแพทย์ครับ อาจจะเรียกว่าหมอ แต่ไม่ใช่แน่ๆ


และก็บอกเจ้าของไปว่า ถ้าตอนม้าไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนโดยคนๆ นี้ ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อก็มีสูง เพราะผมไม่รู้ว่าวิธีที่เค้าใช้คืออะไร และสะอาดมากพอมั้ย เพราะคนที่ไม่ใช่สัตวแพทย์มักจะไม่คำนึงถึงเรื่องนี้


พอหันไปถาม "หมอ" ว่าพี่ช่วยบอกผมตรงๆนะ ว่าพี่ทำยังไงบ้าง สิ่งที่ฟังมาอยากจะบอกว่า เหี้ยอะไรเนี่ยยยยยยยยยย


หลังจากนั้นผมก็เดินไปดูม้าอีกรอบ พอเอามือไปแตะที่บริเวณซี่โครง สิ่งที่สะท้อนกลับมาคือ... เสียงครึ่กๆๆๆๆ ตามจังหวะการหายใจ.........


...........


ผมหันไปถาม "หมอ" อีกเรื่องว่า พี่กรอกยาไปยังไงครับ สอดท่อหรือเปล่า เค้าบอกว่าไม่ได้สอดท่อ ก็กรอกปากตามปกติ.... อืม........ ใช้อะไรครับ


แล้ว "หมอ" ก็ชี้ไปที่ท่อพีวีซ๊ ยาวประมาณ 30 cm เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 cm ด้านนึงตัดเป็นปากฉลาม...........


me: พะ พี่กรอกยังไงครับ...


"หมอ" : ก็เอายาใส่กระบอกแล้วก็กรอกใส่ปากเลยครับ


me: แล้วม้ากลืนเข้าไปมั้ย ตอนกรอกนี่ก็จับหน้าม้ายกขึ้นแล้วกรอกลงไปหรือเปล่า...


"หมอ" : อ่า ใช่ครับ แบบนั้นแหละ


me : ................... ขอบคุณครับ


เวลาจับม้าเชิดหน้าขึ้นสิ่งที่จะเปิดรับสิ่งต่างๆ จากปาก ไม่ใช่หลอดอาหาร แต่เป็นหลอดลม........


เพราะหลอดลมอยู่ด้านล่างของหลอดอาหาร เวลาที่สอดท่อ ถึงต้องงอคอม้ามากๆ เพื่อให้หลอดอาหารที่อยู่ด้านบนมาอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการสอดเข้าไปได้


ผมก็มองหน้า "หมอ" ตรงๆ แล้วก็บอกเค้าว่า ที่พี่กรอกไป มันทำให้ม้าสำลักได้ และมันเป็นสิ่งเดียวที่อธิบายได้ว่าทำไมปอดม้าถึงมีเสียงแบบนั้น......


หน้า "หมอ" ถอดสีสิครับ


แล้วอีกอย่างนึงที่พี่ตอนม้า ตอนนี้แผลที่ตอนยังไม่ปิด บวมอยู่แต่ไม่มากนัก แต่มีหนองไหลออกมาเวลาที่ผมบีบ และม้าตัวนี้ไม่เคยทำวัคซ๊นอะไรเลย.... บาดทะยัก พี่รู้จักมั้ยครับ?


...................................................


ตอนที่ผมคุยกับ "หมอ" เจ้าของม้าไม่อยู่ ผมถึงได้คุยตรงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น....


ตอนนี้มี 3 ปัญหาคือ ระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร.......


อาการที่แสดงแต่ละระบบ เป็นอาการที่ทำให้ม้าถึงตายได้ทั้งนั้น แม้จะเจอแค่ระบบเดียว........


และสิ่งที่เกิดขึ้น ป้องกันได้ แต่ไม่มีใครป้องกัน และบางอย่างถ้าไม่ทำจะดีกว่า.....


ผมเสนอทางเลือกให้ สองทาง คือยื้อจนถึงที่สุด หรือฉีดยาให้หลับไป.......


โอกาสรอดไม่มากนัก


สิ่งที่ "หมอ" ตอบกลับมาคือว่า ให้ผมคุยกับเจ้าของโดยตรงดีกว่า เพื่อให้เจ้าของตัดสินใจ แต่ให้ผมพยายามเลี่ยงไม่พูดเรื่องบาดทะยัก............


..................


ผมเข้าไปตรวจแล้ว พยายามรักษาแล้ว แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น


ภายหลังจากที่ผมออกมาอาจจะมีการพูดคุยกันในทำนองที่ว่า "หมอ" คนนั้นได้ทำทุกอย่างแล้ว ดีที่สุดแล้ว เรียกสัตวแพทย์มาก็ค่าเท่ากัน ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าที่ "หมอ" คนนั้นทำหรอก.......


แต่พวก "หมอ" ไม่เคยยืดอกรับเลย ว่าสิ่งที่ทำไปมันไม่ใช่การรักษา มันทำให้ม้ามีแต่แย่ลง และตายในที่สุด........


สิ่งที่ "หมอ" ทำกัน คือสิ่งที่บอกต่อกันมา ฉีดยาตัวนี้เท่านี้ ให้กรอกยาตัวนี้ ให้ทำแบบนั้นแบบนี้ แต่ไม่มีหลักการ ไม่มีพื้นฐานความรู้อะไรเลย พอถามว่าใครบอกให้ทำ ก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วก็บอกว่าพวกกัน เค้าทำกันมาแบบนี้


บุคคลที่เรียกสถาปนาตัวเองว่าเป็น "หมอ" แต่สิ่งที่ทำมันกลับตรงข้ามกับ สัตวแพทย์อย่างพวกผมเหลือเกิน


ไม่มีใครเอาผิดคนเหล่านี้ได้ และถ้าเจ้าของก็ยังคงเชื่อใจคนเหล่านี้ มันคงจะมีเรื่องราวแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น.....


และผู้ที่รับผลของการกระทำนั้นก็ไม่ใช่ใคร...... ม้าของพวกคุณเอง.....

ไม่มีความคิดเห็น: