ผมนอยมาพักใหญ่กับเรื่องเดิมๆ ที่ต้องเจอทุกวัน มันเป็นเรื่องที่บั่นทอนทั้งกำลังใจ พละกำลัง และความตั้งใจที่มี
ผมเป็นหมอรักษาม้า ที่มักจะเจอเคสในกลุ่มม้าแข่งเป็นหลัก บางเคสไม่ได้สนใจว่าม้าจะเป็นอย่างไร มันเจ็บเหรอ ก็ฉีดยาแก้ปวดสิ ฉีดเท่านี้ไม่หาย ก็ฉีดเพิ่มไปอีกสิ ม้าจะได้หายเจ็บ และไปวิ่งแข่งได้ หลังแข่งถ้ามันเจ็บอีกก็ฉีดยาประคองอาการไว้ พอถึงวันแข่งก็ฉีดยาเพิ่มไป เดี๋ยวมันก็วิ่งได้ ยานั้นดียานี้ดี หายากันมาสารพัด เพื่อที่จะเอามาทำให้ม้าของตนวิ่งได้ โดยไม่เคยคิดเลยว่ามันจะส่งผลเสียอะไรกับม้า คิดเพียงแค่ว่าตราบใดที่ม้าวิ่งได้ เท่ากับว่ามันยังสบายดีอยู่
หลายๆ คน ทำทุกวิถีทางเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในวงการนี้ ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ม้าหายเจ็บ ฉีดยาเข้าไป ให้ยาเข้าไป เค้าว่าดีก็ลองดู หายก็ดี ไม่หายก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวหาวิธีอื่นมาลองใหม่
เจอแบบนี้เข้าไป กำลังใจมีเท่าไหร่ก็หมด
.................
ความคิดที่ว่า "เราเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก มันก็เป็นแบบนี้แหละ" และ "เราจะทำไปเพื่ออะไร" เริ่มเข้าครอบงำจิตใจ หันไปทางไหนก็ไม่เจอความสุข มันเหมือนกับว่าผู้ชายคนนี้กำลังหมดแรง
ทั้งๆ ที่มีความรู้สึกนั้นอยู่ในหัวตลอดเวลา แต่ร่างกายก็ยังคงทำงานไปตามเดิม เพราะลึกๆ แล้วก็รู้ว่าผมแค่เหนื่อยเท่านั้นเอง (และถ้าไม่ทำงานมีหวังโดนเจ้านายด่าแน่นอน) เหมือนกับว่าผมกำลังเดินขึ้นบันไดที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ผมขึ้นบันไดจนเหนื่อย พอเหนื่อยจนแทบจะไม่ไหว ผมก็หยุดอยู่ตรงนั้น.......
จะหยุดอยู่แค่นี้ หรือว่าก้าวถอยหลัง หรือจะไปต่อดี?
ผมถามตัวเอง...... และถามคุณด้วย
เราอาจจะก่นด่าบันไดแต่ละขั้นที่เราก้าวผ่านมาว่ามันทำให้เราเหนื่อยชิบหาย ทำให้เราหมดแรง แล้วก็หยุดอยู่ตรงนั้น ด่าบันไดไปวันๆ
เราอาจจะก่นด่าตัวเราเองที่เสือกมาเลือกขึ้นบันไดอันนี้ บันไดที่มันเหนื่อยเกินไปสำหรับคนอย่างเรา เป็นบันไดที่ไม่ได้ราบเรียบ มีแต่เศษหิน มีแต่อุปสรรค ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แล้วก็เดินถอยกลับไป
หรือเราจะไปต่อ?
ต่างคนก็คงจะต่างคำตอบ แต่ก่อนจะตอบว่าหยุด ถอยหลัง หรือไปต่อนั้น เราควรถามตัวเองก่อนมั้ยว่าเราเดินขึ้นไปเพื่ออะไร จุดหมายของเราอยู่บนนั้นหรือเปล่า? ที่เราหยุดเนี่ยเพราะเราแค่เหนื่อยหรือเปล่า? และถ้าถอยหลังเนี่ยเพราะเรามันเป็นแค่ไอ้กระจอกหรือเปล่า? หรือว่าเราเดินมาผิดทางจริงๆ ?
.....................................
ผมอาจจะโลกสวยเกินไป เพราะผมไม่ได้มองว่าการทำอย่างไรก็ได้ ให้ม้าที่เจ็บกลับไปวิ่งได้เป็นความเก่งกาจ แต่ผมกลับมองว่าการจัดการให้ม้ามีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บน้อยที่สุดนั้นเป็นเรื่องที่โคตรเจ๋ง ผมถึงไปเน้นที่ว่า ทำอย่างไรถึงจะลดโอกาสในการเกิดปัญหาต่างๆ ได้ ซึ่งมันไม่เท่ไง มันไม่เห็นผลอะไรชัดเจนในเวลาอันสั้น มันไม่เหมือนกับการมียามาฉีดจึ้กเข้าไป แล้วม้าก็วิ่งปร๋อทันที
"เค้าให้กันมาแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ที่หมอทำกับที่พวกผมทำน่ะมันคนละเรื่องกันเลย ถ้าทำแบบที่หมอบอกน่ะมันไม่ได้หรอก"
ผมว่าถ้าคุณใช้แต่ยาโดยที่ไม่ใช้สมองคิดเสียก่อนว่าเพราะอะไรถึงต้องใช้ยา ไม่ได้คิดจะป้องกันไม่ให้มันเกิดปัญหา พูดแค่ว่าเค้าทำกันมาแบบนี้ มองว่าปัญหาที่เกิดมันเป็นเรื่องปกติ ผมว่าคุณผิดปกติแล้วล่ะ
ถ้าคุณไม่ได้คิดไม่ได้เป็นแบบนั้นก็อ่านขำๆ ไปละกันครับ แต่ถ้าคุณเป็นแบบนั้น คุณควรส่องกระจกพิจารณาตัวเองดูบ้างนะครับ
"เราเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก มันก็เป็นแบบนี้แหละ" ถ้าทุกคนคิดแบบนั้นและมันโลกนี้มันเป็นแบบนั้นจริง ผมคงต้องเขียนบทความนี้ไว้บนศิลาจารึกแล้วล่ะ
;)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น